|
ระบบอิสระ (Off Grid)
ระบบนี้เป็นระบบอิสระเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง จึงต้องผลิตกระแสไฟเก็บสำรองไว้ในแบตเตอรี่ไว้ใช้เองอาชีพที่ได้
รับความนิยมระบบนี้เช่น ชาวไร่,ชาวนา,ชาวสวนยาง และในส่วนงานโปรเจคที่เราสามารถเห็นได้โดยทั่วไป เช่น โคมไฟถนน
พลังงานแสงอาทิตย์,โคมป้ายไฟกระพริบจราจร,ป้ายไฟกระพริบเขตโรงเรียน
|
|
อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ
1. แผงโซล่าเซลล์ (Solar panel)
2. เครื่องควบคุมการประจุกระแสไฟฟ้า (Charge Controller)
3. แบตเตอรี่ (Battery)
4. เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter)
1.แผงเซลล์แสงอาทิตย์ Solar cell
ทำหน้าที่รับพลังงานจากแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบของไฟ DC (ไฟกระแสตรง)
สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายเช่น นำมาใช้ชาร์จแบตเตอร์เพื่อสำรองไฟ, ใช้เกี่ยวกับการเกษตร เช่น
นำมาเชื่อมต่อกับปั้มน้ำไฟกระแสตรง (DC) เพื่อสูบน้ำเข้าแปลงเกษตร
2.เครื่องควบคุมการประจุกระแสไฟฟ้า Charge Controller
จะทำหน้าที่ควบคุมการประจุกระแสไฟที่ได้จากแผงโซล่าเซลล์ลงมายังแบตเตอรี่ และทำการตัดกระแสไฟจากโซล่า
เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม รวมถึงยังรักษาแรงดันไฟฟ้าที่แผงโซล่าเซลล์ผลิตให้คงที่ จึงทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานของ
แบตเตอรี่ซึ่งตัวควบคุมการประจุต้องมีขนาดของแรงดัน (โวลต์ V) และกระแส (แอมป์ A) มากกว่ากระแสไฟฟ้าที่ในระบบ
โซล่าเซลล์
ที่เราออกแบบและติดตั้ง
3.แบตเตอรี่ Battery
จะทำหน้าที่เก็บสำรองไฟที่ได้จากแผงโซล่าเซลล์ที่ผลิตได้ในตอนกลางวันมาเก็บไว้เพื่อนำมาจ่ายให้อุปกรณ์เครื่องใช้
ไฟฟ้าที่เราต้องการใช้ (เวลากลางคืน) เช่น ทีวี, หลอดไฟ, พัดลม, ชาร์จโทรศัพท์มือถือ
(แต่จะเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการคำนวนและออกแบบระบบ)
4.เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า Inverter
จะทำหน้าที่แปลงไฟจากแบตเตอรี่ DC เช่น 12, 24, 48 โวลต์ขึ้นอยู่กับระบบที่ออกแบบติดตั้งเป็นไฟ AC220 โวลต์
ซึ่งควรมีขนาดกำลังเพียงพอ
ที่จะจ่ายไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการ ดังนั้นขนาดของเครื่องแปลง
กระแสไฟฟ้าควรมีขนาดกำลังไฟที่สูงกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ที่เราใช้งาน
ข้อดี
1.สามารถสำรองไฟฟ้าไว้ใช้งานเอง โดยไม่ต้องใช้ไฟจากการไฟฟ้า
2.เมื่อยามฉุกเฉิน สามารถนำแบตเตอรี่กับเครื่องแปลงไฟเคลื่อนที่ใช้ได้สะดวกทุกที่
ข้อเสีย
มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เพราะต้องมีแบตเตอรี่ไว้สำรองไฟ |